แชร์ให้เพื่อน :

ไม้อัดแบ่งตามการใช้งาน

สวัสดีครับ วันนี้เรามาดูกันครับ ว่าไม้อัดนั้น หากแบ่งตามประเภทการใช้งานแล้ว จะแบ่งได้แบบไหนบ้าง
ซึ่งไม้อัดจะถูกจำแนกออกเป็น 3 ประเภทคร่าวๆ โดยแบ่งจากวัถุประสงค์การใช้งาน

1.ไม้อัดเพื่อการตกแต่งเพื่อความสวยงาม

ที่นิยมใช้จะเป็นพวกไม้อัดสัก ไม้อัดบีช ไม้อัดโอ๊ค เพราะเป็นไม้อัดที่มีผิวหน้าสวยงาม มีลายสวย เช่นลายไม้แนวตรง และลายไม้ลายภูเขา ลายไม้ชัด นิยมติดตามกำแพง เพดาน เสา หรือ ตามผิวเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น หน้าตู้เสื้อผ้า ส่วนใหญ่จะใช้สีย้อมไม้หรือแลคเกอร์เพื่อถนอมผิวไม้และยังโชว์ให้เห็นถึงลายที่สวยงาม ไม้อัดพวกนี้จะนิยมตั้งแต่ความหนา 4-10 มม.

2.ไม้อัดเพื่อทำโครงสร้างต่างๆ

จะเป็นพวกไม้อัดยาง ขนาดตั้งแต่ 4 – 25 มม. ขนาดที่ต่างกันก็นำไปใช้ไม่เหมือนกัน เช่น
ขนาดความหนา 4 – 6 มม. นิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์เบา เช่น กล่อง ตู้เล็กๆ หรือ ฝ้า เพดาน เป็นต้น
ขนาดความหนา 10 – 15 มม. จะเป็นพวตู้เสื้อผ้า เตียง หรือ ทำผนัง
ขนาดความหนา 15 – 25 มม. นิยมทำผนังห้อง และ ชั้นวางของ พื้นเตียง ที่ต้องการรับน้ำหนัก และแข็งแรงพอสมควร

ไม้อัดแต่ละขนาดก็จะมีเกรดของมันเอง ตั้งแต่ B-AA โดยที่ไม้อัดเกรด B จะเป็นไม้อัดยางที่มีหน้าไม่ค่อยเรียบและใส้ในไม่ค่อยแน่น เหมาะแก่การทำแบบทำโครงช่วยคราว และไม่แนะนำให้นำมาตัดเป็นขนาดเล็กๆ เนื่องจากกาวที่ใช้ประสานเป็นกาวคุณภาพต่ำ เมื่อตัดเป็นแผ่นเล็กๆจะทำให้แต่และชั้นของไม้อัดแตกและแยกออกจากกันเป็นแผ่นๆ ส่วน เกรด A จะเป็นเกรดที่คนนิยมมากที่สุด เพราะจะนำไปใช้เป็นโครงสร้างต่างๆของเฟอร์นิเจอร์ เช่น ด้านต่างๆของตู้หรือกล่อง เพราะมีความแข็งแรงพอสมควร แต่ผิวหน้าอาจจะไม่เรียบมาก และสุดท้าย เกรด AA เป็น เกรดที่นิยมนำไปทำผิวหน้าของเฟอร์นิเจอร์ที่จะนำไปทำสีต่อ เนื่องจากผิวหน้าจะถูกขัดมาอย่างดี ทำสีง่ายและเรียบ มีน้ำหนักที่ดี ใส้ในแน่น ทำให้ทนทานต่อการใช้งาน เหมาะกับการไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูง และมีราคาสูง

3.ไม้อัดเพื่องานก่อสร้าง

ส่วนมากนิยมนำไปทำเป็นแบบหล่อปูนตอนทำเสาหรือคานบ้าน นิยมใช้เป็นไม้อัดยาง และไม้อัดฟิล์มดำ เพราะมีคุณสมบัติกันน้ำไม่ให้ซึมเข้าสู่เนื้อไม้ ทำให้ใช้งานได้หลายรอบ ไม้อัดจะมีขนาด 11 – 25 มม. เกรดไม้แบบหรือB ถ้าต้องการใช้ครั้งเดียวถึง2ครั้ง
ถ้าต้องการใช้มากกว่า 2 ครั้ง แนะนำให้ใช้ไม้อัดฟิลม์ดำ จะสามารถถอดออกมาจากปูนเมื่อแห้งแล้วและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ราคาจะสูงขึ้นตามจำนวนครั้งที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ก็ยังถูกกว่าซื้อไม้เกรด B หลายๆครั้ง ซึ่งงานขึ้นแบบก่อสร้างจะนิยมใช้ไม้อัดฟิล์มดำมากที่สุด